Blogger: บังคับส่งผู้ชมสู่เว็บใหม่


บทความนี้เป็นวิธีบังคับส่งผู้ที่เข้ามาในบล็อกของคุณไปสู่หน้าเว็บหรือ URL อันใหม่แทนอันเดิมโดยอัตโนมัติ
เพราะว่าเมื่อเราต้องการหยุดพักการเขียนบทความลงใน Blogger แล้วเปลี่ยนไปสร้างเว็บแทนหรือจะลองหันไปใช้บล็อกของผู้ให้บริการเจ้าอื่นดูบ้าง อาจพบปัญหาในการแจ้งข่าวให้ผู้เข้าชมบล็อกทราบว่าเว็บแห่งใหม่ของคุณนั้นอยู่ที่ไหน ดังนั้นการนำผู้ที่เข้าบล็อกแห่งเดิมไปสู่เว็บใหม่เลยอาจง่ายกว่า โดยสามารถทำได้ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1.  เข้าสู่บล็อกของคุณจากนั้นไปที่
แม่แบบ > แก้ไข HTML

ขั้นตอนที่ 2.  กด 'Ctrl + F' บนคีย์บอร์ดแล้วสั่งค้นหาคำว่า
  </head>

ขั้นตอนที่ 3. จากนั้นให้แทนที่โค้ดที่หาเจอนั้นด้วยตัวอย่างโค้ดข้างล่างนี้
<meta http-equiv="refresh" content="0;url=http://tip.maxlayout.com"/>
  </head>

อธิบายเพิ่มเติม
โดยตอนนำโค้ดนี้ไปใช้ในบล็อกของคุณเองก็อย่าลืมแทนที่ URL ในตัวอย่างจากเดิมที่เขียนไว้ว่า
http://tip.maxlayout.com
ให้กลายเป็น URL ปลายทางอันใหม่ที่คุณต้องการด้วยครับ

ขั้นตอนที่ 4.  เลือกที่ 'บันทึกแม่แบบ' จากนั้นลองเปิดบล็อกดูผลลัพธ์
ซึ่งในตอนนี้เมื่อเข้าสู่บล็อกของคุณแล้วรอซักครู่ก็จะพบว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ


อธิบายเพิ่มเติม
สำหรับผู้ต้องการย้ายบทความและข้อคิดเห็นทั้งหมดจากในบล็อกของ Blogger อันเดิมไปสู่ Blogger แห่งใหม่ให้ลองดูที่บทความนี้ครับ
http://tip.maxlayout.com/2010/06/blogger.html


Credit: http://zenplate.blogspot.com/2009/05/make-your-blog-redirect-to-another.html

Illustrator: โปร่งแสงแล้วค่อยจางหายไป (Gradient Opacity Mask)


การทำให้วัตถุใน Illustrator มีการโปร่งแสงแบบไล่ระดับจากส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนแล้วค่อยๆ จางหายไป (Gradient Opacity Mask Fading Transparency in Illustrator) ด้วยการใช้คำสั่ง "Make Opacity Mask" ในหน้าต่าง "Transparency" นั้นสามารถลองดูตัวอย่างได้ดังนี้


ขั้นตอนที่ 1. เตรียมวัตถุ
เปิดไฟล์ขึ้นมาด้วยโปรแกรม Illustrator



ขั้นตอนที่ 2. รวมกลุ่ม
สั่งรวมกลุ่มสิ่งที่ต้องการให้สะท้อนให้เป็นชิ้นเดียวกันด้วยคำสั่ง
"Object > Group"



ขั้นตอนที่ 3. คัดลอก
ให้สั่งคัดลอกวัตถุนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอันโดยกด Alt ค้างไว้แล้วลากเมาส์
โดยให้นำวัตถุชิ้นที่สองที่ถูกสร้างขึ้นใหม่นี้ไปวางไว้ใต้วัตถุชิ้นแรก



ขั้นตอนที่ 4. กลับด้าน
เลือกวัตถุชิ้นที่สองที่ถูกวางไว้อยู่ใต้วัตถุชิ้นแรกแล้วเลือกที่
"Object > Transform > Reflect > Horizontal > OK"



ขั้นตอนที่ 5. สร้างหน้ากาก
สั่งวาดวัตถุสี่เหลี่ยมที่มีการไล่สี Gradient โดยให้ไล่จากด้านบนสีขาว (#ffffff) ไปจนถึงด้านล่างสีดำ (#000000) ดังรูป โดยนำไปวางทับไว้เหนือวัตถุชิ้นที่สองซึ่งตอนนี้วางกลับหัวอยู่



ขั้นตอนที่ 6. เลือกวัตถุที่ถูกจัดเรียงไว้
เลือกวัตถุทั้งหมดซึ่งถูกจัดเรียงอยู่ด้านล่างเพื่อกำหนดขอบเขตของการโปร่งแสง



ขั้นตอนที่ 7. ทำให้โปร่งแสง
เลือกทั้งวัตถุที่กลับหัวและหน้ากากไว้พร้อมกัน แล้วสังเกตดูในหน้าต่างเมนู "Transparency"
โดยให้กดที่ไอคอนทางขวามือด้านบน จากนั้นเลือกคำสั่ง "Make Opacity Mask"



ขั้นตอนที่ 8. ลองดูผลงาน
ถ้าทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาก็จะได้ผลงานลักษณะดังนี้




อธิบายเพิ่มเติม
นอกจากนี้เราสามารถเอาหน้ากากที่ทำไว้ออกได้ง่ายๆ โดยเลือกที่ วัตถุโปร่งแสงที่ทำไว้นั้น แล้วไปที่หน้าต่างเมนู "Transparency" จากนั้นเลือกคำสั่ง "Release Opacity Mask"


สามารถเปรียบเทียบผลการทำ "Opacity Mask" ได้จากภาพด้านล่างนี้

Window 7: ตั้งค่า Sleep และ Turn off the Display


การตั้งค่า Sleep and display settings ของ Window 7 ทำได้ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1. กดไอคอนรูปสัญลักษณ์วินโดว์ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ

ขั้นตอนที่ 2. เลือกที่ Control Panel


ขั้นตอนที่ 3. เลือกการแสดงผล (View by) ที่เมนูทางขวามือให้เป็น 'Large Icons'

อธิบายเพิ่มเติม
ขั้นตอนที่ 4-6 จะสามารถกระโดดข้ามไปได้เลยถ้านำพาร์ทข้างล่างนี้ไปใส่ในช่องที่ตั้งอยู่ด้านซ้ายบนโดยตรงซึ่งก็คือ
Control Panel\All Control Panel Items\Power Options\Edit Plan Settings

ขั้นตอนที่ 4. สังเกตดูเมนูด้านล่างโดยให้เลือกที่ไอคอน 'Power Options'


ขั้นตอนที่ 5. เลือกเมนูแผนจัดการพลังงาน (Power Plan) ให้เป็น 'Balance (Recommended)'

ขั้นตอนที่ 6. เลือก 'Change plan settings' ที่อยู่ทางขวามือของแผนงาน


ขั้นตอนที่ 7. ปรับตั้งค่าเวลาของ Sleep และ Display ตามต้องการ
โดยถ้าต้องการสั่งปิดระบบเหล่านี้ไปเลยก็ให้เลือกเป็น 'Never'

Turn off the display : คือ ตั้งเวลาเข้าสู่การพักหน้าจอ
Put the computer to sleep : คือ ตั้งเวลาเข้าสู่สถานะประหยัดพลังงาน

ขั้นตอนที่ 8. หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยให้เลือกที่ 'Save changes' ก็เสร็จแล้ว



อธิบายเพิ่มเติม
Sleep: เป็นสถานะประหยัดพลังงานของคอมพิวเตอร์ โดยถ้าเราต้องการเริ่มการทำงานต่ออีกครั้งก็จะสามารถกลับเข้าสู่สภาพใช้พลังงานเต็มที่ได้อย่างรวดเร็วซึ่งตามปกติแล้วจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที  สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งเข้าสู่สถานประหยัดพลังงานนั้นจะเป็นการหยุดงานที่กำลังทำอยู่ทันที และพร้อมที่จะเริ่มการทำงานอีกครั้งเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาทำงานต่อ

Turn off the display: เป็นการพักหน้าจอของคอมพิวเตอร์ เมื่อไม่มีการใช้งานในระยะเวลาหนึ่ง โดยหลักการทำงานคือเมื่อไม่มีการ กดคีย์บอร์ด หรือขยับเมาส์ เป็นเวลานานตามระยะเวลาที่ตั้งไว้

Photoshop: ประทับตราด้วย Dissolve


วิธีทำตราประทับ NOT FOR SALE ด้วยการเปลี่ยน Blending Mode


ขั้นตอนที่ 1. เขียนอักษร
เปิดโปรแกรม Photoshop จากนั้นเขียนตัวอักษรลงไป
ซึ่งในตัวอย่างนี้จะใช้อักษรสีแดง (#ff0000) บนพื้นหลังสีขาว (#ffffff)
โดยสามารถเปลี่ยนพื่นหลังตามตัวอย่างให้กลายเป็นรูปภาพก็ได้ตามต้องการ



ขั้นตอนที่ 2. ปรับลักษณะตัวอักษร
เลือกที่เลเยอร์ตัวอักษรโดยเปลี่ยน Blending Mode เป็น 'Dissolve'
แล้วตั้งค่า Fill เป็น 85%



ขั้นตอนที่ 3. วาดเส้นกรอบ
สร้างเลเยอร์เพิ่มขึ้นหนึ่งอันวางไว้ด้านบนสุดสำหรับทำเส้นกรอบ
แล้วสร้าง Selection เป็นรูปสี่เหลี่ยมล้อมรอบตัวอักษรเอาไว้



ขั้นตอนที่ 4. ทำเส้นกรอบให้โค้งมน
เลือกเมนู Select > Modify > Smooth
แล้วใส่ค่าความโค้งมนของขอบสี่เหลี่ยมตามต้องการ
โดยในตัวอย่างนี้ตั้งค่าเท่ากับ 10



ขั้นตอนที่ 5. ลงสีเส้นกรอบ
เลือกเมนู Edit > Stroke
แล้วเลือกขนาดเส้นกรอบและใส่สีตามต้องการ
โดยในตัวอย่างนี้ตั้งค่าขนาดเป็น 20 และใช้สีแดง (#ff0000)
ซึ่งพอลงสีเส้นกรอบเสร็จแล้วก็อย่าลืมกดปุ่ม <Ctrl+D> บนคีย์บอร์ดเพื่อสั่ง 'Deselect'



ขั้นตอนที่ 6. ปรับลักษณะเส้นกรอบ
เลือกที่เลเยอร์ตัวเส้นกรอบโดยเปลี่ยน Blending Mode เป็น 'Dissolve'
แล้วตั้งค่า Fill เป็น 85%



ขั้นตอนที่ 7. หมุนและปรับขนาด
เลือกทั้งเลเยอร์ตัวอักษรและเลเยอร์เส้นกรอบไว้พร้อมกัน
แล้วเลือกเมนู Edit > Free Transform
จากนั้นสามารถหมุนหรือย่อขยายขนาดของตราประทับนี้ได้ตามต้องการ

Google Sites: เปลี่ยนไซต์เป็นชื่อโดเมนของเราเอง



ขั้นตอนที่ 1. เข้าไปที่หน้าแรกของไซต์แล้วสังเกตทางด้านขวาบนโดยกดที่เมนู 'เพิ่มเติม'

ขั้นตอนที่ 2.  กดเลือก 'จัดการไซต์'



ขั้นตอนที่ 3.  ในหน้าเมนูสำหรับจัดการไซต์นี้ให้กดเลือก 'ที่อยู่เว็บ'

ขั้นตอนที่ 4.  เอาโดเมนเนมที่ต้องการใส่ลงไปในช่อง 'เพิ่มที่อยู่เว็บ'
โดยสามารถใช้ได้ทั้งโดเมนหลักหรือโดเมนย่อย (Sub Domain) ก็ได้

ขั้นตอนที่ 5.  หลังจากนั้นกดที่ปุ่ม 'เพิ่ม' ก็เสร้จแล้ว



ขั้นตอนที่ 6. ลองตรวจดูผลลัพธ์


อธิบายเพิ่มเติม
อย่าลืมว่าต้องตั้งค่าโดเมนเนมของคุณในแผงควบคุมของผู้ให้บริการรับจดโดเมนเนมโดยกำหนดระเบียน CNAME ชี้ไปที่ ghs.google.com ด้วยครับ

Blogger: เมนูปุ่มถูกใจหรือแนะนำที่วิ่งตามเนื้อหา


แถบเมนูปุ่ม Facebook Like และ Google Plus One ที่เลื่อนตามเนื้อหาได้เองนั้นทำได้ด้วยวิธีดังนี้

อธิบายเพิ่มเติม
วิธีในบทความนี้จะคล้ายกับการทำ "เมนูไอคอนรูปภาพที่เลื่อนเองตามเนื้อหา" ในลิงก์ข้างล่างนี้
http://tip.maxlayout.com/2012/03/blogger-floating-menu-images-icons.html
ซึ่งสามารถนำปุ่มไอคอนจากทั้งสองบทความนี้มารวมอยู่ในเมนูอันเดียวกันก็ได้ครับ

ขั้นตอนที่ 1. เข้าสู่บล็อกของคุณจากนั้นไปที่
'แม่แบบ > แก้ไข HTML'


ขั้นตอนที่ 2. วางเมนูไอคอน
โดยกด 'Ctrl + F' บนคีย์บอร์ดแล้วสั่งค้นหาคำว่า
  </head>
จากนั้นให้แทนที่โค้ดที่หาเจอนั้นด้วยโค้ดข้างล่างนี้
  </head>
<div class='floating-menu'>
<!--Floating Menu Icons Start-->

<!--FMI_Facebook Start-->
<div>
<iframe allowTransparency='true' frameborder='0' scrolling='no' src='//www.facebook.com/plugins/like.php?href=
http://www.facebook.com/maxlayout
&amp;send=false&amp;layout=box_count&amp;width=55&amp;show_faces=false&amp;action=like&amp;colorscheme=light&amp;font&amp;height=65' style='border:none; overflow:hidden; width:55px; height:65px;'/>
</div>
<!--FMI_Facebook Stop-->

<!--FMI_Googleplus Start-->
<div style='padding: 2px 0 4px 3px'>
<script src='http://apis.google.com/js/plusone.js' type='text/javascript'/>
<g:plusone count='true' href='
https://plus.google.com/108378280786875080944
' size='tall'/>
</div>
<!--FMI_Googleplus Stop-->

<!--FMI_Twitter Start-->
<div>
<a href="http://twitter.com/share" class="twitter-share-button" data-count="vertical" data-via="maxlayout">Tweet</a>
<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>
</div>
<!--FMI_Twitter Stop-->

<!--Floating Menu Icons End-->
</div>
<style>
.floating-menu {
padding: 5px;
position: fixed;
z-index: 10;
top: 100px;
left: 0;
}
</style>


อธิบายเพิ่มเติม 
เมนูอันนี้เป็นแบบชิดขอบจอด้านซ้าย ถ้าหากว่าใครชอบเมนูแบบชิดด้านขวาก็ให้เปลี่ยนโค้ดใน
'ขั้นตอนที่ 2 นี้ตรงบรรทัดที่ 3 นับขึ้นมาจากด้านล่างสุด'
จากโค้ดแบบเดิมที่เขียนไว้ว่า
left: 0;
ให้กลายเป็น
right: 0;


ขั้นตอนที่ 3. เลือกที่ 'บันทึกแม่แบบ' จากนั้นลองเปิดบล็อกดูผลลัพธ์
โดยในตอนนี้จะพบว่าตอนนี้มีเมนูลอยอยู่ในหน้าบล็อกเรียบร้อยแล้วปลายทางของปุ่ม Facebook Like, Google Plus One และ Twitter Share ไม่ได้ชี้ไปสู่ปลายทางที่คุณต้องการซึ่งสามารเลือกแทนที่โค้ดได้ตามด้านล่างนี้


ขั้นตอนที่ 4. วิธีปรับเปลี่ยนชนิดและเพิ่มหรือลดจำนวนปุ่ม
ให้สังเกตโค้ดในขั้นตอนที่ 2 จะพบว่า โค้ดในเมนูนี้ทั้ง Facebook และ Google จะถูกเขียนอยู่ระหว่าง
<!--Floating Menu Icons Start-->
ไปจนถึง
<!--Floating Menu Icons End-->
โดยสังเกตว่าได้ว่าปุ่มไอคอนแต่ละอันที่อยู่ภายในเมนูนั้น จะมีโครงสร้างคือ

ปุ่ม Facebook Box Count
จะขึ้นต้นด้วย <!--FMI_Facebook Start-->
และสิ้นสุดที่ <!--FMI_Facebook Count Stop-->

ปุ่ม Google Plus One
จะขึ้นต้นด้วย <!--FMI_Googleplus Start-->
และสิ้นสุดที่ <!--FMI_Googleplus Stop-->

ปุ่ม Twitter Share
จะขึ้นต้นด้วย <!--FMI_Twitter Start-->
และสิ้นสุดที่ <!--FMI_Twitter Stop-->

ซึ่งสามารถแทนที่ได้เองตามต้องการด้วยวิธีดังข้างล่างนี้


อธิบายวิธีแก้ไขและแทนที่ปุ่ม Facebook Like Button

โค้ดของปุ่ม Facebook มีสามแบบให้เลือกใช้ได้โดยนำไปแทนที่โค้ดอันเดิมตั้งแต่
<!--FMI_Facebook Start--> ไปจนถึง <!--FMI_Facebook Stop--> โดยเลือกได้ดังนี้

แบบที่ 1 ปุ่มสำหรับกด Like เนื้อหาที่กำลังถูกเปิดอยู่ในขณะนั้น
<!--FMI_Facebook Start-->
<div>
<iframe allowTransparency='true' expr:src='&quot;http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=&quot; + data:blog.url + &quot;&amp;send=false&amp;layout=box_count&amp;show_faces=false&amp;width=55&amp;action=like&amp;font=arial&amp;colorscheme=light&amp;height=65&quot;' frameborder='0' scrolling='no' style='border:none; overflow:hidden; width:55px; height:65px;'/>
</div>
<!--FMI_Facebook Stop-->

แบบที่ 2 ปุ่มสำหรับกด Like ไปยังเป้าหมายสู่หน้าเว็บหรือ URL ที่เราต้องการ
<!--FMI_Facebook Start-->
<div>
<iframe allowTransparency='true' frameborder='0' scrolling='no' src='//www.facebook.com/plugins/like.php?href=
http://www.facebook.com/maxlayout
&amp;send=false&amp;layout=box_count&amp;width=55&amp;show_faces=false&amp;action=like&amp;colorscheme=light&amp;font&amp;height=65' style='border:none; overflow:hidden; width:55px; height:65px;'/>
</div>
<!--FMI_Facebook Stop-->
โดยสำหรับปุ่ม Facebook Like ในแบบที่ 2 นี้ถ้าต้องการให้เป้าหมายของการ Like นั้นชี้ไปที่ URL ของเว็บใดก็ให้แก้โค้ดบรรทัดที่ 5 ที่เขียนไว้ว่า
http://www.facebook.com/maxlayout
ให้กลายเป็น URL ที่ต้องการได้เลย

แบบที่ 3 ปุ่ม Share เนื้อหาที่กำลังถูกเปิดอยู่
ซุึ่งปุ่มแชร์ที่ใส่ลงใน Floating Menu นี้จะมีการกำหนด URL ต่างไปจากชนิดที่ใส่ลงในส่วนบทความโดยเขียนได้ดังนี้
<!--FMI_Facebook Start-->
<div style='float:left;padding:0 0 8px;width:55px;height:65px;overflow:hidden;'>
<a expr:share_url='data:blog.url' href='http://www.facebook.com/sharer.php' name='fb_share' type='box_count'>Share</a><script src='http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share' type='text/javascript'/>
</div>
<!--FMI_Facebook Stop-->



อธิบายวิธีแก้ไขและแทนที่ปุ่ม Google Plus One

โค้ดของปุ่ม Google Plus One มีสองแบบให้เลือกใช้ได้โดยนำไปแทนที่โค้ดอันเดิมตั้งแต่
<!--FMI_Googleplus Start--> ไปจนถึง <!--FMI_Googleplus Stop--> โดยเลือกได้ดังนี้

แบบที่ 1 ปุ่มสำหรับกด +1 ให้เนื้อหาที่กำลังถูกเปิดอยู่ในขณะนั้น
<!--FMI_Googleplus Start-->
<div style='padding: 2px 0 4px 3px'>
<script src='http://apis.google.com/js/plusone.js' type='text/javascript'/>
<g:plusone count='true' size='tall'/>
</div>
<!--FMI_Googleplus Stop -->

แบบที่ 2 ปุ่มสำหรับกด +1 ไปยังเป้าหมายสู่หน้าเว็บหรือ URL ที่ต้องการ
<!--FMI_Googleplus Start-->
<div style='padding: 2px 0 4px 3px'>
<script src='http://apis.google.com/js/plusone.js' type='text/javascript'/>
<g:plusone count='true' href='
https://plus.google.com/108378280786875080944
' size='tall'/>
</div>
<!--FMI_Googleplus Stop-->
โดยสำหรับปุ่ม Google Plus One ในแบบที่ 2 นี้ถ้าต้องการให้เป้าหมายของการ +1 นั้นชี้ไปที่ URL ของเว็บใดก็ให้แก้โค้ดบรรทัดที่ 5 ที่เขียนว่า
https://plus.google.com/108378280786875080944
ให้กลายเป็น URL ที่ต้องการได้เลย


อธิบายวิธีแก้ไขและแทนที่ปุ่ม Twitter Share

โค้ดของปุ่ม Twitter Share มีเริ่มอยู่ตั้งแต่
<!--FMI_Twitter Start--> ไปจนถึง <!--FMI_Twitter Stop--> โดยเลือกได้ดังนี้

สำหรับปุ่ม Twitter Share นั้นควรกำหนดค่าผู้ใช้ทวิตเตอร์เพื่อให้แสดงลิงก์แนะนำไปสู่หน้าที่คุณต้องการ
โดยแก้คำว่า
maxlayout
ที่อยู่ภายใน
data-via="maxlayout"
ซึ่งอยู่ในตำแหน่งถัดลงมา 2 บรรทัดนับจาก
<!--FMI_Twitter Start-->
ให้กลายเป็นชื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ต้องการได้เลย

โดยตัวอย่างการแก้ไขเช่น
ถ้าหากที่ตั้งของหน้าทวิตเตอร์ของคุณคือ
https://twitter.com/maxlayout
ดังนั้นชื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ต้องใส่ลงก็ไปคือ
maxlayout

ตัวอย่างผลของการตั้งค่า data-via ก่อนผู้ใช้ล็อคอินสู่ทวิตเตอร์


ตัวอย่างผลของการตั้งค่า data-via หลังจากทวีตเสร็จแล้ว



อธิบายเพิ่มเติม
ถ้าต้องการแก้ไขลักษณะต่างๆ ของเมนุนี้ เช่น ระยะห่างจากขอบด้านบน หรือสีพื้นหลัง
ให้แก้ไขที่ส่วนท้ายของโค้ดในขั้นตอนที่ 2 ซึ่งเขียนไว้ว่า
<style>
.floating-menu {
padding: 5px;
position: fixed;
z-index: 10;
top: 100px;
left: 0;
}
</style>

Blogger: เมนูไอคอนรูปภาพที่เลื่อนเองตามเนื้อหา


เมนูไอคอนรูปภาพที่เลื่อนได้เองไปตามเนื้อหา (Floating Icons) ช่วยให้ไอคอนที่เราต้องการแสดงอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการพบเห็นซึ่งทำได้ด้วยวิธีดังนี้

นำภาพเหล่านี้ใส่ในเมนูก็ได้


อธิบายเพิ่มเติม
โดยบทความนี้จะมีวิธีทำคล้ายกับการทำ "เมนู Facebook Like และ Google Plus ที่เลื่อนตามเนื้อหา" ในลิงก์ข้างล่างนี้
http://tip.maxlayout.com/2012/03/blogger-floating-menu-social-share.html
ซึ่งสามารถนำไอคอนจากทั้งสองบทความนี้มารวมอยู่ในเมนูอันเดียวกันก็ได้ครับ

ขั้นตอนที่ 1. เข้าสู่บล็อกของคุณจากนั้นไปที่ 'แม่แบบ > แก้ไข HTML'


ขั้นตอนที่ 2. วางเมนูไอคอน
โดยกด 'Ctrl + F' บนคีย์บอร์ดแล้วสั่งค้นหาคำว่า
  </head>
จากนั้นให้แทนที่โค้ดที่หาเจอนั้นด้วยโค้ดข้างล่างนี้
  </head>
<div class='floating-menu'>
<!--Floating Menu Icons Start-->

<div>
<a href="http://www.facebook.com/maxlayout" target="_blank">
<img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRC9Cnj8V7PAbAioJ3J3vnUGfYwS6F9x0zXTqev6v8Kkx4fxUuaNa_BCgHiHZxeMArXh2WT7x9eQpjIfgSRYBkN9IDBxNBUjzmFZFjnbbH-Y4qzSicCXHb5KKqc_A4y7_p2WdxG09Omf4/s55/web2_490to55_FaceBook.png" />
</a></div>

<div>
<a href="http://feeds.feedburner.com/Tipmaxlayout" target="_blank">
<img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjazNZ6r7QGguumjTD1OuBzp6rPnO6v5if-M8O4SRGmevhZCYn9SKC6qbkBLO5jHQtZvRbjHCNwfbnAhGucoTcALhe13-4caPQLJUwWCdjoewqnO2oQgryivOBdhCAeO0v_YpL7dVv2Xps/s55/web2_490to55_Rss.png" />
</a></div>

<div>
<a href="http://twitter.com" target="_blank">
<img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFTnycRErWZjw00sDCbbNdopSjrQ6RzIoDdYmRGvSpUOzU7_8V6PU_GgemRQT2Zko29SqhBtDl1SsalEJvIwNfMzbrRZhfQsBmsPFiI-3KXK-UU3yyyOYjO7TgYKEf6FBdnXTACZMmGTY/s55/web2_490to55_Twitter.png" />
</a></div>

<div>
<a href="https://plus.google.com/108378280786875080944" target="_blank">
<img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg7Rk62UUEvvvGrTuoSj6Ag6_J3gDEKavQvxnl7IUNJaCnjmQOhYqAnSgUjSqC67-_M7usFpF-VegUflccb1l7hi-S7GsEKz3l-tinxw_tpqOdnikGCX8zERrnSZN6jAqrjkaLttLEh1sI/s53/gplus-64to52-add-space.png" />
</a></div>

<!--Floating Menu Icons End-->
</div>
<style>
.floating-menu {
background: #ffffff;
border: 1px solid #c0c0c0;
padding: 5px;
position: fixed;
z-index: 10;
top: 100px;
left: 0;
}
</style>


อธิบายเพิ่มเติม 
เมนูอันนี้เป็นแบบชิดขอบจอด้านซ้าย ถ้าหากว่าใครชอบเมนูแบบชิดด้านขวาก็ให้เปลี่ยนโค้ดใน
'ขั้นตอนที่ 2 นี้ตรงบรรทัดที่ 3 นับขึ้นมาจากด้านล่างสุด'
จากโค้ดแบบเดิมที่เขียนไว้ว่า
left: 0;
ให้กลายเป็น
right: 0;


ขั้นตอนที่ 3. เลือกที่ 'บันทึกแม่แบบ' จากนั้นลองเปิดบล็อกดูผลลัพธ์
โดยในตอนนี้จะพบว่าตอนนี้มีเมนูลอยอยู่ในหน้าบล็อกเรียบร้อยแล้วแต่ตอนนี้ปุ่มต่างๆ ยังไม่ได้ชี้ไปสู่ปลายทางที่คุณต้องการซึ่งสามารถแก้ไขได้ตามด้านล่างนี้


ขั้นตอนที่ 4. วิธีปรับเปลี่ยนเมนู และเพิ่มหรือลดจำนวนไอคอน
สำหรับการแก้ไขลิงก์ปลายทาง และการเพิ่มหรือลดจำนวนไอคอนให้สังเกตโค้ดในขั้นตอนที่ 2 จะพบว่า
โค้ดของไอคอนรูปภาพทั้งหมดจะเขียนอยู่ระหว่าง
<!--Floating Menu Icons Start-->
ไปจนถึง
<!--Floating Menu Icons End-->

โดยสังเกตว่าได้ว่าไอคอนแต่ละอันในเมนูนั้น จะมีโครงสร้างคือ
<div>
<a href="ลิงก์ปลายทาง" target="_blank">
<img src="ที่ตั้งของไอคอนรูปภาพ" />
</a></div>

ตัวอย่างเช่น
ถ้า "ลิงก์ปลายทาง" คือ
http://www.facebook.com/maxlayout 

และ "ที่ตั้งของไอคอนรูปภาพ" คือ
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRC9Cnj8V7PAbAioJ3J3vnUGfYwS6F9x0zXTqev6v8Kkx4fxUuaNa_BCgHiHZxeMArXh2WT7x9eQpjIfgSRYBkN9IDBxNBUjzmFZFjnbbH-Y4qzSicCXHb5KKqc_A4y7_p2WdxG09Omf4/s55/web2_490to55_FaceBook.png

ดังนั้นจะเขียนได้ว่า
<div>
<a href="http://www.facebook.com/maxlayout" target="_blank">
<img src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRC9Cnj8V7PAbAioJ3J3vnUGfYwS6F9x0zXTqev6v8Kkx4fxUuaNa_BCgHiHZxeMArXh2WT7x9eQpjIfgSRYBkN9IDBxNBUjzmFZFjnbbH-Y4qzSicCXHb5KKqc_A4y7_p2WdxG09Omf4/s55/web2_490to55_FaceBook.png" />
</a></div>

เมื่อเข้าใจแล้วละก็ ถ้าต้องการเพิ่มหรือลดไอคอนในเมนูก็สามารถทำได้ตามต้องการ


อธิบายเพิ่มเติม
ถ้าต้องการแก้ไขลักษณะต่างๆ ของเมนุนี้ เช่น ระยะห่างจากขอบด้านบน หรือสีพื้นหลัง
ให้แก้ไขที่ส่วนท้ายของโค้ดในขั้นตอนที่ 2 ซึ่งเขียนไว้ว่า
<style>
.floating-menu {
background: #ffffff;
border: 1px solid #c0c0c0;
padding: 5px;
position: fixed;
z-index: 10;
top: 100px;
left: 0;
}
</style>


นอกจากนี้สามารถอ่าน
วิธีทำเมนูแบบลิงก์ด้วยรูปภาพที่ลิงก์นี้
http://tip.maxlayout.com/2010/03/menu-five-link.html
และวิธีจัดการลิงก์รูปภาพที่ลิงก์นี้
http://tip.maxlayout.com/2010/03/blogger_27.html

Credit: http://www.southernspeakers.net/2011/01/blogger-floating-icons.html

Lightwave: แก้ปัญหาปลัักอินหาย

วิธีสั่งสแกนเปลัักอินของ LightWave ที่อยู่ๆ ก็หายไปขณะกำลังใช้งานหรือบันทึกไฟล์ทำได้โดย
เปิดโปรแกรม Lightwave ในส่วนของ Layout ขึ้นมาแล้วเลือกที่
Utilities > Edit Plugins > Scan Directory
จากนั้นเลือก Directory ที่เก็บโปรแกรม Plugins Lightwave อยู่

เช่นตัวอย่างด้านล่างซึ่งใช้เก็บปลักอินของ Lightwave เวอชั่น 10.1 ใน Window 7 ดังนี้
C:\Program Files\NewTek\LightWave10.1\support\plugins

จากนั้นกดปุ่ม OK แล้วรอการสแกนสักครู่ พอระบบเจอเปลัักอินแล้วก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ